Tuesday, October 9, 2007

เปลือก

*เมื่อพูดถึง "เปลือก" หลายคนคงนึกถึงเปลือกหอย บางคนนึกถึงเปลือกผลไม้ และอย่างน้อย คงต้องมีสักคนหนึ่งแหล่ะที่นึกถึงเปลือกไข่ *

*ถ้าเราค้นหาลักษณะร่วมของสิ่งเหล่านี้ ก็จะพบว่า เปลือกของมัน คือ ส่วนนอกสุดที่ห่อหุ้มเนื้อในเอาไว้ *

*ดังนั้น เปลือก จึงเป็นทั้งภาพ ที่ปรากฏต่อสายตา และเป็นส่วนที่ออกมาสัมผัส สัมพันธ์กับสรรพสิ่งที่เหลือ *

*ถ้าเราถามต่อไปว่า ทำไมพืชสัตว์เหล่านี้ต้องมีเปลือก? คำตอบก็คงมีอยู่ง่าย ๆ ว่า เพราะเนื้อในของมันนิ่ม อ่อนแอ กระทั่งไม่น่าดู *
ฉะนั้นจึงต้องสร้างเปลือกขึ้นมาหุ้มไว้

*แล้วมนุษย์เล่ามีเปลือกด้วยหรือไม่? แน่ละ ในทางกายภาพแล้ว เราคงพูดไม่ได้ว่ามนุษย์เป็นสัตว์มีเปลือก ทว่าในทางสังคม ใครจะกล้าปฏิเสธว่า ผู้คนมิได้ห่อหุ้มตัวเองไว้ด้วย "เปลือก" สารพัดชนิด พูดอย่างถึงที่สุดแล้ว เปลือกมนุษย์นั้นมีมากมายหลายหลากกว่าเปลือกหอยเสียอีก และเท่าที่เฝ้ามองสิ่งเหล่านี้มาเป็นเวลานาน ผมเห็นว่ามันเป็นอะไรที่น่าสนใจยิ่ง*

*ผมเคยเห็นผู้ชายใจนักเลงหลายคน มีเรือนร่างเล็กบ้างกระทั่งต่ำเตี้ย ใช่หรือไม่ว่า ความห้าวหาญของเขานั้นแท้จริง คือ เสื้อเจ็กเกตชั้นดี ที่คอยห่อหุ้มความรู้สึกถูกคุกคามในเบื้องลึก*

*หญิงสาวจำนวนไม่น้อยเชิดหน้าเมินชาย แต่บางทีพฤติกรรมเช่นนั้น ก็อาจเป็นผ้าห่มชนิดหนึ่งที่เธอใช้ปกคลุมหัวใจที่เหน็บหนาวและรอคอยการโอบกอด *

*คนมีเงินถุงเงินถังในบ้านเราชอบสะสมวัตถุสิ่งของราคาแพง เป็นไปได้หรือไม่ว่า ลึก ๆ ก็ย่อมรู้อยู่แก่ใจว่า ตัวเองไม่อาจสร้างมิตรภาพกับผู้คนได้อีกแล้ว ฯลฯ *

*ใช่….ผมเคยถามตัวเองอยู่บ่อยครั้งว่า ทำไมคนเราต้องมีเปลือก ในที่สุดก็ได้คำตอบที่แสนจะธรรมดาออกมาว่า เปลือกมนุษย์นั้น แท้จริงทำหน้าที่เยี่ยงเดียวกับ เปลือกหอยหรือเปลือกอื่น ๆ คือ ปกป้องเนื้อในที่อ่อนแอ *

*ความรู้สึกไม่ปลอดภัย ทำให้ทุกคนล้วนต้องสร้างเปลือกและเมื่อทุกคนโชว์แต่เปลือกนอก นับวันก็ยิ่งไม่รู้จักกัน ในเมื่อไม่รู้จักกัน ความรู้สึกไม่ปลอดภัยก็เกิดขึ้น จนแล้วจนรอดเราเลยไม่กล้าถอดเปลือกให้ใครเห็นตัวจริง*

ทุกวันนี้ ถ้าเรากวาดสายตาดูไปรอบ ๆ ก็จะพบว่า มีสินค้าและบริการมากมายเหลือเกินที่ถูกออกแบบมาเพื่อสนับสนุนกระบวนการสร้างเปลือกดังกล่าว

ผู้คนเยอะแยะบริโภคสิ่งเหล่านี้เพียงเพื่อสร้างหรือรักษา IMAGE ที่อยากให้ปรากฏต่อสายตาผู้อื่น

เอาง่าย ๆ ตั้งแต่เรื่องเครื่องสำอาง มีหญิงสาวกี่คนที่สามารถออกจากบ้านได้โดยไม่ต้องทาโน่นทานี่บนใบหน้า ยังไง ๆ หล่อนก็ไม่ยอมเชื่อว่า ผู้ชายที่ออฟฟิศจะมองข้ามเรื่องหน้าตาไปได้

*ถึงคุณผู้ชายก็เถอะ ทุกวันที่ออกจากบ้าน ใช่หรือไม่ ที่อยาก PRESENT ตัวเองในลักษณะต่าง ๆ ซึ่งคำนวณแล้วว่า ทำให้ชีวิตมิต้องผิดหวัง ต่ำต้อยจนเกินไปนัก*

*พวกที่เป็น BOSS จริงมั้ยที่คุณอยากจะ LOOK GOOD ต่อหน้าลูกน้องตลอดเวลา ซึ่งบางครั้งนำไปสู่มาด ฟอร์ม การแต่งตัว กิน ดื่ม กระทั่งท่าลุกนั่งที่ปราศจากความหรรษาใด ๆ ผมเชื่อเหลือเกินว่า หลายคนอึดอัดกับเปลือกที่ตัวเองต้องสวมใส่ แต่ก็ไม่รู้จะทำยังไงกับมัน บางคนอาจมาถึงข้อสรุปแล้วด้วยซ้ำว่า ไม่มีที่ไหนปลอดภัยพอที่จะเป็นตัวของตัวเอง ฉะนั้น ห้วงยามที่เขาสบายใจที่สุด คือ เวลาที่ได้อยู่ตามลำพัง แต่พูดก็พูดเถอะ ผมเองไม่รู้เหมือนกันว่าเราจะสร้างสังคมที่มนุษย์ไม่มีเปลือกได้หรือไม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าหากจะต้องเริ่มต้นจากสังคม ที่นิยามความสุขด้วยชัยชนะเหนือผู้อื่น ลึก ๆ แล้ว เราคงทำได้อย่างมากแค่สร้างมุมบางมุมในชีวิต ที่เราพอถอดเปลือกออกได้บ้าง โดยไม่ต้องหวั่นเกรงการทำร้าย

*ปัญหามีอยู่ว่า จะสร้างมุมเช่นนี้ขึ้นมาได้อย่างไร? แน่ละ คำตอบที่เป็นสูตรสำเร็จคงไม่มี แต่ผมมีแง่คิดบางอย่างที่อยากจะแบ่งปันกันไว้ในที่นี้ มันเป็นแง่คิดที่เพิ่งได้มาเมื่อวาน

*หลังจากที่สอนหนังสือเสร็จในตอนเช้า ผมเห็นว่า ตอนบ่ายในธรรมศาสตร์นั้นแล้งเหงาเกินไปแล้ว จึงออกไปเดินดูบรรดาแผงแบกะดินที่เรียงรายอยู่ตามถนน ตั้งแต่ท่าพระจันทร์ไปถึงท่าช้าง แผงเหล่านี้ขายของสารพัดอย่าง ตั้งแต่ปลัดขิกใหญ่เท่าน่อง มาจนถึงกล้องส่องทางไกลอันเท่าบ้องกัญชา *

*เดินไปได้สักพักผมรู้สึกคอแห้ง จึงเข้าไปหาอะไรดื่มในร้านกาแฟตรงข้ามมหาวิทยาลัยศิลปากร ขณะนั่งเหม่อมองผู้คนที่เดินไปมาอยู่หนาแน่นนั้นเอง พลันก็มีเด็กผู้หญิงอายุราว 8 ขวบคนหนึ่ง ยื่นเศษกระดาษหุ้มพลาสติกมาตรงหน้า ในนั้นมีข้อความระบุว่าเธอเป็นใบ้และมาจากครอบครัวยากจน ขอให้เมตตาเธอ ด้วยการซื้อกระดาษเช็ดปากสักห่อ ผมเพ่งมองสีหน้าแววตาของแม่หนูคนนั้นอยู่ครู่หนึ่ง แล้วหยิบธนบัตรใบละ 20 บาท ยื่นให้หนึ่งใบ เธอหยิบกระดาษทิชชู พร้อมเงินทอนส่งให้ผมอย่างนอบน้อมแล้วทำท่าจะจากไป ผมมองหน้าเธออีกครั้งด้วยสายตาเป็นมิตร ก่อนที่จะยื่นกระดาษทิชชูคืนให้ ในวูบแรกทีเดียว แม่หนูขายกระดาษหันมามองผม อย่าง งง ๆ แต่เมื่อเห็นผมยิ้ม สีหน้าที่ดูหม่นแห้งเมื่อสักครู่ก็เปลี่ยนเป็นยิ้มกว้างอย่างดีใจ "ขอบคุณค่ะ" เด็กใบ้กล่าวกับผมเบา ๆ พอได้ยินกันสองคน ตอนที่เดินออกมาจากร้านกาแฟ เพื่อกลับเข้ามหาวิทยาลัย

*ผมรู้สึกมีความสุขจนอดยิ้มออกมาคนเดียวไม่ได้ จะไม่ให้ยิ้มได้อย่างไร เมื่อคิดถึงว่า ผมคงเป็นคนหนึ่งในบรรดาผู้คนไม่มากนักที่เคยได้ยิน คำขอบคุณจากคนใบ้

ครับ บางที "คนใบ้" รอบ ๆ ตัวคุณ อาจจะยอมพูดออกมาก็ได้ ถ้าคุณทำให้เขารู้สึกปลอดภัย และในทางกลับกัน คุณเองก็คงจะเลิกซ่อนตัวอยู่ในเปลือกของ "คนใบ้" ถ้าพบใครสักคนที่ให้คุณ โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน

ผมคงไม่ต้องระบุใช่มั้ยว่า อะไรเป็นเครื่องมือสำคัญในการถอดเปลือกมนุษย์!

***บทความจาก คุณเสกสรรค์ ประเสริฐกุล****

No comments: