Friday, August 31, 2007

ไปดูดาว 1

หลังจากที่อ่านสองเงาในเกาหลีจบแล้ว
เลยหันหน้าไปชวนอึนอึนว่า "เสาร์นี้ไปดูดาวกันมั้ย "
อึนอึน มองหน้า ยิ้มตอบมาด้วยแววตามีเลศนัย
แล้วถามว่า "คิดอะไรอยู่"

เหอ เหอ

ชักเอาใหญ่แล้วนะ...
อย่ามาทำเป็นรู้ดี
ชั้นไม่อยากหวั่นไหวนะย่ะ

บายเดอะเวย์
อยากไปหลายที่แต่เวลามีอยู่สองวัน
เดี๋ยวต้องนั่งรวบรวมสมาธิดีๆก่อน
ว่าจะไปไหนบ้าง
จะไปดูที่เรียนชิ้ปปิ้ง
แต่ก็อยากได้รองเท้าคู่ใหม่
และอยากไปงานการศึกษาญี่ปุ่นที่ศูนย์สิริกิติ์ด้วย
โอ้--โลภจริงนะเนี่ย
แต่ที่แน่ๆมีนัดดูดาวแน่นนอน

โอโม่ เอเม่ อูมู่ เตรียมตัว! พรุ่งนี้เราจะไปเที่ยวกัน!




..Say It Isn't So..


Skies are dark
It's time for rain
Final call
You board the train
Heading for tomorrow

I wave goodbye to yesterdays
Wipe the tears, you hide your face
Blinded by the sorrow

How can I be smiling like before
When baby you don't love me anymore?

Say it isn't so
Tell me you're not leaving
Say you've changed your mind now,
That I am only dreaming,
That this is not goodbye,
This is starting over
Mmmmm....
If you wanna know
I don't wanna let go,
So say it isn't so

Tempt to find buy at least we've tried
We're still alive with hope this time
As they close the door behind you
Whistle blows and tons of steel
Shake the ground beneath the wheels
As I wish I'd never found you, whoa...

How can I be smiling when you're gone
Will I be strong enough to carry on?

Say it isn't so
Tell me you're not leaving
Say you've changed your mind now,
That I am only dreaming,
That this is not goodbye,
This is starting over
Say I'm not wide awake
If you wanna know
I don't wanna let go,
So say it isn't so

Miles and miles to go,
Before I can say, before I can lay
My love for you to sleep
Oh darling oh
I've got miles and miles to go,
Before anyone will ever hear
Me laugh again.

Say it isn't so
Tell me you're not leaving
Say you've changed your mind now,
That I am only dreaming,
That this is not goodbye,
This is starting over
Say I'm not wide awake
If you wanna know
I don't wanna let go
So say it isn't so

**Say you've changed your mind now,
That I am only dreaming,
That this is not goodbye,
This is starting over
Say I'm not wide awake
If you wanna know
I don't wanna let go
So say isn't so

If you wanna know
I don't wanna let go
So say it isn't so..**

Thursday, August 30, 2007

สองเงาในเกาหลี 1

หลังจากที่อ่านแฮร์รี่จบไป (นานแล้ว)
ก็หานู่นนี่มาอ่าน(เพิ่ม)ค่าเวลาไปวันๆ
และแล้ว อึนอึน ก็รื้อลังหนังสือขณะที่ฉันนอนหลับอยู่
และแล้วก็เลยได้ฤกษ์อ่าน
"สองเงาในเกาหลี" ของคุณทรงกลด บางยี่ขัน
ที่ซื้อมาตั้งแต่สัปดาห์หนังสือฯครั้งที่แล้ว
(มีนาคม ที่ผ่านมา--หรือเมษาเนี่ยแหละ)

อ่านไปได้ครึ่งเล่ม
หันไปกอดอึนอึนหลายที
(ขอบคุณที่อยู่ตรงนั้น)

เรื่องราวเป็นเรื่องของคุณก้องไปเที่ยวเกาหลี
---ไปคนเดียว---
ซึ่งเค้าเล่าว่าปกติก็ไปแบบนี้ประจำอยู่แล้ว
การดำเนินเรื่องน่าสนใจดี
มี "เรื่องราว" และ "ความคิดเห็น" ที่หลากหลายปะปน
ชอบที่เค้ามักจะตั้งคำถามกับตัวเองอยู่บ่อย
ซึ่งมันก็ทำให้เราอยากรู้คำตอบไปในตัว
และถามกลับตัวเองบ้างในหลายๆครั้ง
ท่าทางผู้ชายคนนี้มี "อะไร" อยู่ในตัวเยอะดีนะ
อ่านผลงานของเค้าหลายครั้งแล้วก็ไม่ติดตรึงเท่าเรื่องนี้
ภาษาและถ้อยคำที่ใช้เรียบง่ายแต่บรรยาย "ภาพ"
ให้จินตนาการตามได้อย่างไม่ตกหล่น
เล่นเอาหัวใจแอบหวั่นไหวและไหวหวั่นตามๆกันไป

ฉันเป็นอีกคนที่เชื่อในรักแรกพบ
แม้ว่าจะไม่เคยเจอกับตัวเองจังๆ สักที
แต่บ่อยครั้งก็แอบไหวหวั่นไปกับสายตาใครสักคนที่จ้องมองมา
รักแรกพบเป็น "ความบังเอิญ" หรือ "ความจงใจกันแน่"
...ให้เราสบตากันในครั้งนั้น...
แล้วใครกันที่กะเวลาได้พอดิบพอดีให้สายตาสองคู่นั้นประสานกันทันเวลา

รักแรกพบ
..สำหรับฉันเกิดขึ้นกับสถานที่..
..ไม่ใช่คน
..ครั้งแรกที่เห็น..ฉันก็รักอย่างยากจะถอนตัวได้ขึ้น

--^_^--

ฉันรักดอนเมือง--หรือสนามบินดอนเมือง--นามที่เราคุ้นหูกันอยู่
มันเป็นความรู้สึกที่ยากเกินกว่าจะอธิบาย
หัวใจมันเต้นโครมคราม ตื่นเต้น หวั่นไหว อ่อนไหว ไปกับหลายๆสถานการณ์ที่เกิดขึ้นที่นั่น

ณ ดอนเมือง..
ฉันเองเคยเป็นทั้งคนรอและผู้รอ
....เคยร้องไห้และหัวเราะ....
....เคยกอดและโดนกอด....
....เคยยิ้มแย้มและเศร้า....
....เคยหวังและหมดหวัง....

บางคนร้องไห้ เพราะดีใจเมื่อ "คนที่รอ" กลับมา
ขณะที่อีกหลายคนต้องเสียน้ำตาไปเพราะ "คนที่รัก" กำลังจากไป
เสียงหัวเราะ ความตึงเครียด รอยยิ้มและคราบน้ำตา
เรียกได้ว่าแทบจะทุกอารมณ์เกิดขึ้นอยู่ที่นี่
ขณะที่มองออกไปนอกกระจกบานโต...
เครื่องบินลำใหญ่กำลังหลับสนิทเพื่อเอาแรง
..ก่อนออกเดินทางไกลสู่จุดหมายต่อไปๆอีกครั้ง
รถกำลังเติมน้ำมันให้เจ้านกยักษ์
แอร์ครูว์กำลังช้อปปิ้ง
กัปตันนั่งสูบบุหรี่
และสถานการณ์อื่นๆที่ผู้คนกำลังทำ ณ จุดเวลาเดียวกัน
ต่างก็ทำหน้าที่ของตนเองที่ต้องแข่งกับเวลา
มันเป็นสิ่งที่ดูมีเสน่ห์สำหรับฉัน

จากประสบการณ์
ฉันเองก็เคยอยู่วงการนี้มาช่วงเวลานึง
ทำให้มองภาพรวมของธุรกิจการบินนี้ได้ง่ายและเข้าใจมากขึ้น
หากหลายคนเข้าใจว่าทำงานสายการบินนั้นเริ่ดหรู ดูดี ค่าตอบแทนสูง
ฉันตอบตรงนี้ได้ว่า...คงไม่ใช่สำหรับฉัน
คงจะมีเพียงแต่คำพูดที่ว่า
..หากได้ทำงานที่เรารักอย่างแท้จริง..ก็จะไม่รู้สึกว่าต้องทำงานอีกต่อไป..
จริงๆแล้ว มันมีอะไรมากกว่านั้น..มาก
แต่นั่นก็ ทำให้ฉันได้เรียนรู้เรื่องราว
..ที่ไม่มีหนังสือเล่มไหนๆบอกไว้อย่างมากมาย
แม้สถานการณ์นั้นอาจเกิดผลกระทบต่อรักแรกพบของฉัน
แต่ความรู้สึกนั้นก็ไม่ได้สั่นคลอนความรู้สึกที่มีต่อดอนเมืองให้ลดน้อยลงไป

ไม่ว่าดอนเมืองจะปิด เปิด หรือ เปิดใช้ใหม่อีก(กี่)หน
ภาพความทรงจำที่ฉันมี..
มันยังงดงามและชัดเจนอยู่เสมอ

นี่แหละรักแรกพบของฉัน
วันนี้เลยอยากจะบอกว่ารักนะ...และรักมานานแล้ว...
^_^

Wednesday, August 29, 2007

D..I...E..(T) 1

DIET or DIE(T)
ก็คล้ายๆกันเนอะ
หลายๆคนก็คงมีประสบการณ์ไม่มาก็น้อย
ทั้งประสบความตั้งใจ
และล้มระเนระนาด
แหมชีวิตนี้จะมีอะไรความสุขอะไรไปมากกว่า
..การได้กินสิ่งที่ชอบและของที่อร่อย
ตั้งแต่เกิดจนนี่ก็ล่วงเลยเข้ามาเกือบวัยกลางคนแระ
ไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองผอมซักที
กลับไปดูรูปครั้งยังเยาว์..มันก็ไม่อืดขนาดนี้นี่หว่า
แล้วทำไมตอนนี้มันช่าง...

เอ่อ..ตั้งแต่จำความได้..
ก็ต้องต่อสู้กับการลดน้ำหนัก (อันไม่จริงจัง) มาตลอด
ด้วยความที่อยากผอมจัด
ทำมาหลากหลายวิธีการแล้ว..ไม่ว่าจะเป็น
-ควบคุมอาหาร
-ไม่ทานข้าวเย็น
-กินยา
-ออกกำลังกาย
และอื่นๆ
มันก็ทรมานเหมือนกันนะ
ก็ทำได้อย่างละนิดหน่อย
แล้วก็เลิกรา...
บางคนโชคดี..ที่มีการปฏิบัติการขับถ่ายของเสียที่ดี
น่าภูมิใจ...
แต่นั่นไม่ใช่ช้านล่ะนะ
แบบปกตินี่ 3-4 วัน
แอดวานซ์ขึ้นมาก็ 1 สัปดาห์ (ท้องจะป่องๆ และรู้สึกอึดอัด)
จุดพีคนี่ 14 วัน
อาจจะสงสัยว่าทำไมไม่กินยาถ่ายหรือกินผักอะไรพวกนั้น
อ่ะ...ก็ลองมามากมายเหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็น
-กินพริกไทยดำ
-กินไฟเบอร์
-ดื่มนมสดตอนเช้า
-ดื่มน้ำส้ม/ น้ำสับปะรด/ น้ำมะนาวก่อนอาหาร
-ออกกำลังกาย
-กินยาถ่าย
-กินกล้วย/ มะละกอ/ ส้ม
ส่วนผัก-ผลไม้นั้นกินเป็นประจำอยู่แล้ว (อันนี้คนวงในรู้ดี)
ก็ไม่ช่วยอะไร--คือมันก็ช่วยอ่ะ
แต่ก็เฉพาะตอนแรกๆ
เหมือนร่างการเกินความตื่นเต้นต่อการเข้ามาของสารอาหารใหม่ๆ
ก็เกิดรีแอคชั่นมาก...
แต่พอสักพักก็เริ่มเหมือนเดิม...

ณ ความสูงที่ 159 เซนติเมตร
ควรจะหนักที่ 49 กโลกรัม (คิดแบบง่ายๆ)
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นมันก็ไม่เสมอไป
มันขึ้นอยู่กับโครงสร้างของร่างกายแต่ละคนด้วยเหมือนกันด้วยเหมือนกัน
จุดพีคอยู่ที่ 67 กิโลกรัม ตัวจะปริแล้วตอนนั้น
และจุดต่ำสุดอยู่ 45 กิโลกรัม ตอนนั้นเอว 23.5 อ่ะ
(นึกถึงแล้วนึกว่าฝันไป...555)
ว่ากันว่า..เคยอ่านมาเจอว่าพันธุกรรมก็มีส่วนเกี่ยวข้อง
อันนี้ก็ไม่รู้จริงมั้ย--แต่ที่บ้านก็ไม่มีใครผอมนะเท่าที่จำได้

เมื่อก่อนสามารถใส่เสื้อเบอร์เอสได้ (S ไม่ใช่ SSS)
M นี่กำลังสบาย
แต่ตอนนี้ M อ่ะยัดไม่ลงแระ
ต้องเปลี่ยนมาเป็น L
และกำลังจะเปลี่ยนเข้าสู่ XL--เหอ เหอ--
รู้สึกตกใจในการเปลี่ยนแปลงของตัวเองอยู่เหมือนกัน
แล้วก็คิดว่าจะทำไงดี
ผ่าตัดกระเพาะอาหารเลยดีมั้ย
ดูด สลายไขมัน
เข้า พวก สลิมอัพ บอดี้เชฟ
ราคาไม่รู้เท่าไหร่ มีคนบอกว่า ห้าหมื่น-แสนนึงอ่ะ
และอื่นๆอีกมากมาย

ก็นะ...
อ่านทวนซ้ำข้างบนอีกที...
รู้สึกว่า..ทำไมต้องทำขนาดนั้นเลยรึ
เลยเอาสติเข้าข่ม...
ก่อเกิดปัญญา--หาเหตุแห่งผล
ได้ความว่า...ก็ไม่ต้องกิน หรือกินในปริมาณที่พอดีพอควรสิ
เอ่อ คือ ถ้าทำได้อย่างนั้นจะเป็นอย่างนี้มั้ยล่ะ

และแล้วก็พบหนทาง...
คลิกเน็ทไปมา..เจอสูตรนี้
เป็นสูตรอาหาร สำหรับเจ็ดวัน--จำไม่ได้แระ
เดี๋ยวโพสให้วันหลังนะ
ก็ไม่คิดหรอกว่าถ้าทำตามนี้แล้วจะลดได้จริง
จากการประมวลผลแล้วนั้น--มีสูตรแบบนี้ให้เราเห็นเกลื่อนกลาด
ผลที่ได้มันขึ้นอยู่กับการที่เราปฏิบัติตัว
ณ นาทีที่ไม่ค่อยมีทางเลือก
อ่ะ อ่ะ ลองก็ได้ว่ะ
ดูๆ แล้วก็ไม่น่าจะยากเย็นสูตรอาหารก็พอทำได้อยู่
เค้าบอกว่า 1 สัปดาห์แรก จะลดลงประมาณ 1-2 กิโล
และจะลดลงมากเมื่อเข้าสู่สัปดาห์ที่ 2 และ 3
แต่ก็ไม่ค่อยอยากเชื่อหรอก เพราะเคยควบคุมอาหาร 1 เดือน
ก็ไม่ลดลงซักโล--เห้อ...
มันก็เป็นทางที่น่าลองจริงมั้ย

....>_<....

ผ่านไปแล้วหนึ่งสัปดาห์...
รวดเร็วเหมือนโกหกอ่ะ
ผลที่ได้ช่างน่าตื่นตาตื่นใจสำหรับคนอย่างฉันจริงๆ
น้ำหนักลดลงไป 1.5 กิโลกรัม (แบบงงๆอ่ะ)
ร่างกายมีปฏิกริยาคือ

-อิ่มเร็วขึ้นและนาน
-ไม่ค่อยอยากอาหาร
-ขับถ่ายบ่อยมากขึ้น

คิดว่าจะทำต่อสักเดือน...
และถ้าเป็นผลสำเร็จแล้วไซร้ รายต่อไปก็คุณแม่ของฉันเอง
แล้วมีความคืบหน้าอย่างไรก็จะมาอัพให้ฟังนะ

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
ต้องพยามหาอะไรที่เหมาะกับกับตัวเอง
แล้วแรงจากข้างในจะส่งผลให้ง่ายต่อการหยิบจับความสำเร็จ

^_^!
(อ่ะ..เล่นซะเหนื่อยเลย)

Monday, August 27, 2007

Game Game Game

ช่วงนี้ตั้งแต่โหลดเกมมาเล่นก็ติดหนึบไม่ไปไหน
ไม่หลับไม่นอน
ตา (และตัว) กลายเป็นหมาแพนดี้ไปซะแล้ว
555...แต่รู้สึกว่าตัวเนี่ย--จะเป็นตั้งนานแล้วนะ
เหอ เหอ

และแล้ววันนี้ก็มีเกมมาฝากกัน ไว้เล่นแกเครียด
หรือเครียดมาขึ้นก็ไม่รู้เหมือนกันเพราะค่าไฟขึ้น
หรือไม่ก็แคร็กไม่ได้

1. Diner Dash เกมส์เสิร์ฟอาหาร
http://www.reflexive.com/DinerDash.html?PAGE=Download_Start&CAT=Search

2. Diner Dash 2 เกมส์เสิร์ฟอาหารภาค 2 จ้า
http://www.reflexive.com/DinerDash2.html?PAGE=Download_Start&CAT=Search

3. Diner Dash Flo On The Go เกมส์เสิร์ฟอาหารภาคบนเรือhttp://www.reflexive.com/DinerDashFloOnTheGo.html?PAGE=Download_Start&CAT=Search

4. Pizza Panic เกมส์ส่งพิซซ่า
http://www.reflexive.com/PizzaPanic.html?PAGE=Download_Start&CAT=Search

5. Turbo Pizza เกมส์ขายขนม กับทำพิซซ่าส่งให้ลูกค้า (มันมากขอบอก)
http://www.reflexive.com/TurboPizza.html?PAGE=Download_Start&CAT=Search

6. Sally's Salon เกมส์ที่เราจะต้องรับบทเป็นช่างทำผม
http://www.reflexive.com/SallysSalon.html?PAGE=Download_Start&CAT=Search

7. Nanny Mania ลองเป็นแม่บ้านดูแล้วจะรู้ว่านรกอ่ะมีเจงๆๆๆๆๆๆ
http://www.reflexive.com/NannyMania.html?PAGE=Download_Start&CAT=Search

8. Cake Mania เกมส์ทำเค้ก
http://www.reflexive.com/CakeMania.html?PAGE=Download_Start&CAT=Search

9. Shopmania ใครที่ชอบช้อปปิ้งไม่ควรพลาด
http://www.reflexive.com/Shopmania.html?PAGE=Download_Start&CAT=Search

10. Burger Island เกมส์ทำเบอร์เกอร์
http://www.reflexive.com/BurgerIsland.html?PAGE=Download_Start&CAT=Search

11. Flower Shop เกมส์ปลูกดอกไม้ และทำเป็นช่อตามลูกค้าสั่ง
(อันนี้ต้องมีการ์ดจอแจ่มๆหน่อยนะ)
http://www.reflexive.com/FlowerShopBigCityBreak.html?PAGE=Download_Start&CAT=Search

12. Alice Greenfingers เกมส์ทำสวนทำฟาร์มคล้ายๆ Harvest Moon อ่ะจ้ะ
http://www.reflexive.com/AliceGreenfingers.html?PAGE=Download_Start&CAT=Search

13. Puppy Luv เกมส์เลี้ยงหมาน้อย
http://www.reflexive.com/PuppyLuv.html?PAGE=Download_Start&CAT=Search

14. Kitty Luv เกมส์เลี้ยงแมวสิ
http://www.reflexive.com/KittyLuv.html?PAGE=Download_Start&CAT=Search

15. Delicious Deluxe เกมส์เสิร์ฟอาหาร
http://www.reflexive.com/DeliciousDeluxe.html?PAGE=Download_Start&CAT=Search

ทั้งหมดเป็นเกมประเภทซิมนะ
(ไม่ใช่เดอะซิม)
Simulation อ่ะจ้ะ

ถ้าใครแคร็กไม่ได้ บอกมา จะจัดให้นะจ้ะ
(ขอขอบคุณพี่ชายมา ณ ที่นี้)
อิอิ

คำเตือน
-อย่าหักโหม
-พักสายตาทุกๆ ครึ่ง หรือ 1 ชั่วโมง
-ยืดเส้นสายบ้างก็ได้นะ
-ระวังจะปวดข้อมือนะ -- ก็คลิกเม้าท์จนมือหงิกอ่ะ


...และ... สุดท้ายนี้

...ยินดีต้อนรับว่าที่หมีแพนด้าทุกท่าน...



Wednesday, August 22, 2007

Here Today

ตั้งชื่อหัวเรื่องอย่างกับเพลง
ป่าวๆ
คือ The score will be here today.
555

มาแว้ว..วว..
ผลสอบมาแว้ว..วว..
มาเมื่อเช้านี้
ถือซองมา ตื่นเต้น ตื่นเต้น
แอบส่องดูก่อน 555
กลัวอ่ะ

ค่อยๆ เปิดออกดู
ปรากฎว่า..
ว่า...
ว่า...
ว่า...

Tah Dah...

"สอบครั้งนี้คุ้มเว่ย!!"

พี่ชายช้านบอกว่า "แหล่มๆ"

แต่ดันแคนบอกว่า...
"ไม่เห็นน่าภูมิใจเลย--เพราะว่ามันง่ายเกินไปสำหรับเธอ"
อะเจงหรอ...
ดันแคนนี่พูดจาหักหานน้ำใจข้อยมากเลยนะ
ก็แหม...ไม่มีตังค์สอบ TOEFL นี่หว่า...
สอบไปก็ไม่รู้จะเอาไปทำอะไรอยู่ดี
เกรงว่าจะเปลืองมากกว่าอ่ะนะ

เลยแกล้งบอกดันแคนไปว่า
"ที่สอบได้คะแนนดีอ่ะ เพราะชั้นกินปลาก่อนเข้าห้องสอบล่ะนะ"
เพราะฉะนั้น--เพื่อนๆต้องทานปลามากๆนะค่ะ
แต่...คงไม่ทันแล้วล่ะ ^_^

ตอนนี้เอกสารเกือบครบทุกอย่างแล้ว
แต่...(ทำไมต้องมีแต่...ด้วยนะ)
ขาดเรียงความอ่ะ

นึกอย่างไรก็นึกไม่ออก ซ้ากที
จะเปลี่ยนใจไม่เรียนแล้วนะเนี่ย
จะหันมาเรียนคอร์สชิ้ปปิ้งแทนล่ะ
แล้วค่อยต่อโทด้านโลจิสติกไปเลย
ดูค่อยมีอนาคต มีเอมหน่อย
เวลาที่ต้องเรียนแต่ไม่รู้ว่าจะต้องเอาไปทำอะไรเนี่ย
มันหาเหตุและผลที่อยากไม่ได้จริงๆนะ
แค่ความอยากยังไม่มีเลย
(อ่ะ แล้ว..จิเรียนพรือล่ะน้อง)
แล้วก็ไม่เหมือนตอนเลือกเรียนที่ภูเก็ตอ่ะ
ตอนนั้นมีเอม มีความอยาก--อยากเป็นเด็กอินเตอร์
(ไม่ได้มีความสนใจทางด้านโรงแรมหรือท่องเที่ยวหรอก)
แล้วก็ประสบผลได้ด้วยดี (คือดีเพียบเร้ย) 555

แต่ตอนนี้มันหาเหตุมาหักล้างไม่ได้
อย่าว่าแต่ตอบคนอื่นเลย...
ตัวเองยังตอบไม่ได้เลยอ่ะจ้ะ
ก็เลยนั่นแหละ...

เอ้อระเหยอยู่...

"เวลาจะเป็นคนบอก เวลาจะเป็นคำตอบ"

ป.ล. ใครพอรู้มั้ยว่าจะเอาเพลงลงต้องทำไง--เพ่ยเพ่ย--รู้มั้ยวะ

Tuesday, August 21, 2007

B-L-A-N-K

เริ่มลนลานอีกครั้ง
เนื่องจากว่ายังไม่ได้เขียนเรียงความที่จะเรียนต่อโท

สมองตอนนี้ บอ สระแอ้ง แบล้งค์ มากๆ
ไม่มีอะไรในหัวเร้ย
จะทำไงดีอ่ะ
ต้องเขียนให้เสร็จก่อนวันพฤหัสตอนบ่ายด้วย

รูปก็ยังไม่ได้ถ่าย
เอกสารรับรองก็ยังไม่ขอ
ผลสอบโทอิคก็ยังไม่มา
จะได้เรียนมั้ยเนี่ย T_T
คือยังไม่ทำอะไรเลยอ่ะจ้ะ

ขอบคุณพระเจ้า
ขอขุมพลังจงเกิดแก่ลูกในเร็ววัน

Acha!! Acha!!

Monday, August 20, 2007

TOEIC

อ่ะ อ่ะ...เมื่อวานไปสอบมาแระ
ที่ตึกบีบีบิ้วดิ้งน่ะก๊ะ อยู่ข้างๆกะ จีเอ็มเอ็มแกรมมี่อ่ะ
เลยศูนย์สิริกิติ์ มาหน่อย
(เพิ่งรู้ว่าตลาดหลักทรัพย์ก็อยู่เวิ้งๆนั้น)

มาถึงก่อนเวลา
เพราะนาฬิกาจิ๊กกะโหล่ยบอกเวลาเกินไปหนึ่งชั่วโมงไง
รีบตาเหลือก---กินข้าวกลางวันเสร็จตอนบ่ายโมงครึ่ง---
ตอนนั่นยังอยู่พระสมุทรเจดีย์อยู่เลยไง
ทำอย่างไงดี---ก็รีบๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ
แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่ามันอยู่ไกลแค่ไหน รถติดมั้ย
ทำไงดีอ่ะ..เริ่ม เน้อเวิร์ส (nervous)..
จาทันมั้ยเนี่ย จาทันมั้ย
..สงสัยต้องจ่ายอีก 500 แน่เร้ย
กลัวจ่าย 500 อ่า..

อ่ะ อ่ะ ลองไปดูก่อน..
มีอึนอึนไปเป็นเพื่อน (ชื่อเต็มว่า *มูอึนอึน*)
ก็อุ่นใจ--มั้ยวะ....555
ขึ้นรถสาย 141 ใต้ทางด่วน--ขึ้นฝั่งทางด่วนได้เลยนะ
นั่งมาลงที่โรงเรียนพระหฤทัยฯ แล้วขึ้น 136(ฝั่งเดียวกันอ่ะ)

แต่ว่า...ลงพลาดป้าย...
ดันลงก่อน...ลงป้ายการท่าเรือแห่งประเทศไทยซะงั้น
เพราะความเชื่อถือในตัวอึนอึน ที่ไม่เคยพา..ไม่หลง
แต่ก็นะ...
เหลือบดูนาฬิกา...สองโมงก่าก่าแระ...
ต้องไปถึง ก่อน 3 โมงครึ่งอ่ะจ้ะ
ทำไง ทำไง ทำไง
ร้อนใจ ร้อนใจ
ก็นั่งรถเมล์ต่อไป...

มาถึงตึก บีบีฯตอน สามโมงเป๊ะ--
รถไม่ค่อยติดอ่ะ--โชคดีน่ะก๊ะ
มุ่งหน้าสู่ชั้น 19 (ถามจากคุณยามข้างล่าง)
จากนั้นก็เจอเจ้าหน้าที่หน้าบูดที่เคาท์เตอร์รีจิสเตอร์
ถ่ายรูป แล้วก็จ่ายตังค์ (ขอบอกรูปหน้าแย่มาก O_O!)
ตอนนั้นเริ่มรู้สึกเอะใจแล้วว่า
"มันก็บ่ายสามแล้ว ทำไมเรารีจิสเป็นคนที่สองหว่า"
แต่ก็ช่างมันเหอะ...อย่างน้อยก็ไม่ต้องเสียตังค์เพิ่มอีก 500
จ่ายตังค์เสร็จ...ก็ให้รอ...ห้องสอบเปิดตอน 15.45 น.
มองนาฬิกา แล้วก็คิดว่า "อ่อ..อีกสี่สิบห้านาที"

ลงมารอข้างล่างที่ "ร้านนั้น"
ระหว่างที่นั่งรออ่ะ ก็เริ่มมีคนทยอยๆเข้ามาเรื่อยๆ
มองนาฬิกาในร้านอีกที ............
คุณนาฬิกาบอกเวลาว่า 14.30 น.
เริ่มตกใจ---เพราะขี้เกียจรอนานไง
เริ่มล่ก--ควานหามือถือในกระเป๋า--
...
...
...
เออ...สองโมงครึ่งจริงด้วย
อึนอึน มองหน้าแล้ว...หัวเราะ...
...
...
...
นั่งรอ รอ รอ รอ
ยิ่งใกล้เวลา คนยิ่งมาก จนในร้านไม่มีที่นั่งเหลือเลย
นี่เป็นข้อดีของการมาก่อนน่ะก๊ะ
(เริ่มหาข้อดี)

นั่งไป นั่งมา...มองนู่นนี่...
เริ่มเข้าสู่ภาวะกดดัน
ทุกโต๊ะ--นั่งอ่านหนังสือและทำข้อสอบทั้งนั้นเลยว่ะ
ส่วนชั้นเหรอ...ฟังเพลงอยู่อ่ะ...
กดดันแต่ไม่มากหรอก (คุริคุริ--พยามหลอกตัวเอง)
ไหน ไหน ก็ ไหน ไหน...
หลับดีก่า...
(เหอ เหอ)

พยามหลับตา--ไม่ใส่ใจกะรัศมีรอบโต๊ะ
ทำให้ดูเหมือนว่าช้านน่ะ เตรียมตัวมาดีแล้วย่ะ
แต่จริงๆแล้ว...
เมื่อคืนนั่งเล่นคอมพ์จนเช้า เพิ่งมานอนตอนเจ็ดโมงอ่ะ

แล้วอึนอึนก็แผดเสียงออกมาว่า
"นั่นๆ นันทขว้าง (สิริสุนทร)" --->หนึ่งนักเขียนในดวงใจ
ไหน ไหน ไหน...
"นั่น เสื้อแดงๆอ่ะ...เดินไปแระ"
เหอ เหอ มั่วแน่เลย
(โกหกตัวเองอีกครั้ง)
ก็แหม อึนอึน ชอบมั่วจะตาย
แต่ชั้นว่า--เค้าเห็นจริงๆนั่นแหละ T_T

เหลือบสายตาไปเห็นโต๊ะข้างๆ
ขมักเขม้น ขมีขมัน กันอย่างเจ้มจ้น..ในการกิน
555
คงเกรงว่าจะหิวในห้องสอบแน่เร้ย
แต่สายตาชั้นมันรวดเร็วไปจดจ้องอยู่ที่หนังสือบนโต๊ะตัวนั้น
หนังสือที่สันปกเขียนว่า...
"เตรียมสอบภาษาญี่ปุ่นระดับสาม"
...
...
...
และแล้วนาโอะเซนเซย์ก็จิกไม่ปล่อยจริงๆด้วยนะก๊ะ

กระแสของคนอ่านหนังสือที่นั่นแรงมากอ่ะ
จนชั้นทนไม่ไหว
--ต้องหลับต่อ--
ปลงแล้วไง...

ใกล้ 15.45 คนเริ่มทยอยขึ้นไป
อ่ะ อ่ะ อ่ะ..ไม่รีบอยู่แระเลยขึ้นไปเป็นคนท้ายๆ
เชื่อม๊ะ...คนสอบล้านกว่าอ่ะ
คือเยอะมาก...นี่เค้าเอาไปทำไรกันนักหนาหว่า

อึนอึนบอกว่า...
ถ้าคราวหน้าอึนอึนมาสอบจะให้ชั้นสอบให้
อึนอึนไม่สนใจที่มา..ขอให้ผลที่ได้เป็นที่น่าพอใจไซร้ใช้ได้

แต่ดูลาดเลาแล้ว...
ความน่าจะโกงได้นี่เท่ากับศูนย์เลยนะ
ถือได้ว่าเป็นเซ็ตว่างอ่ะ
ตรวจละเอียดถี่ถ้วนมากๆ--ยิ่งกว่าสนามบินตรวจระเบิดอีกเธอ
ทั้งก่อนเข้าห้องสอบ ขณะสอบ
อึนอึนทำสีหน้าสลดจิตเมื่อชั้นบอกว่า...ติวให้ง่ายกว่านะ

เข้าห้องสอบก็เป็นข้อสอบระบายๆ ฝนๆ
มีปากกา ดินสอ ยางลบให้--ไม่ต้องเอาสะเหร่อเอาไปนะก๊ะ
เค้าก็อธิบายนู่นนี่อ่ะ
จำไม่ได้ว่ามันมีกี่ส่วนนะ แต่ที่แน่ๆคือ มีฟังกะอ่านเท่านั้นเอง
แบ่งเป็น ฟัง 100 ข้อ อ่าน 100 ข้อ
ใช้เวลาอย่างละ 1 ชั่วโมง
เฉลี่ยแล้ว 1 ข้อนี่ต้องไม่ถึงนาทีนะก๊ะ
บริหารเวลาให้ดี
จะบอกทริคให้นะก๊ะ...
เริ่มที่พาร์ทฟังก่อนนะก๊ะ
1. คือต้องฟังอย่างเดียวไง สิ่งที่เค้าพูดไม่มีในข้อสอบ ต้องฟังเองนะก๊ะ
2. ถ้ามีรูปให้ดู--ดูรูปก่อนเลย--แล้วตั้งใจฟัง
3. ข้อไหนฟังไม่ออก...ตัดใจมั่วโลด..เพราะเค้าไม่พูดซ้ำแล้วย่ะ
มันจะเสียเวลามากถ้าว่างไว้แล้วกลับมามั่วอีก..เพราะไงก็มั่วอยู่ดีก็ตัดใจมั่วไปเลย
4. ถ้าไม่มีรูป--ให้อ่านคำถามก่อน--ว่าเค้าถามว่าอะไร
แล้วจับประเด็นตอนที่เค้าพูด--จิกคำตอบออกมาให้ได้
5. นาทีนั้น แฟน กิ๊ก หนี้สิน การงาน ทิ้งความคิดและกังวลไว้นอกห้องก่อน
ตั้งใจฟังอย่างเดียว ก็จะตายอยู่แระ
6. ถ้าหลุด--สมาธิหลุด--รีบจิกกลับมา--
7. ถ้าไม่ทัน--ข้ามโลด--บ่ต้องเสียดาย
หากไม่ข้าม เจ้าสิเสียใจเด้อค่ะเด้อ

สำหรับพาร์ทอ่าน
1. พลิกทำที่เป็นพวกป้ายประกาศ โฆษณา ก่อนเลย--อยู่ด้านหลังอ่ะจ้ะ
เพราะง่ายกว่าพวก แกรมม่า ที่ยังไงก็ต้องปนแกมมั่วอยู่ดี
2. อ่านคำถามก่อน...แล้วกวาดตา ขอย้ำว่า *กวาดตา*
ไม่ใช่นั่งอ่านทั้งข้อความ อย่าลืมว่า 1 ข้อ ต้องไม่ถึง 1 นาทีนะก๊ะ
แล้ว พอยท์ (point)คือ ให้ตอบคำถาม ไม่ได้ให้สรุปใจความ
เพราะฉะนั้นไม่ต้องนั่งจมดิ่งแปลทั้งข้อความ
3. ดูคร่าวๆ ว่าคำตอบน่าจะอยู่ส่วนไหน ก็จิกออกมา
4. จิกไม่ได้ ก็มั่วล่ะก๊ะ
5. เรื่องแกรมม่านี่--สลายโต๋นะก๊ะ
อีนนี้ต้องพึ่งพาบุญญาธิการที่สั่งสมกันมา

คะแนนก็แบ่งเป็น
พาร์ทฟัง 5-495
พาร์ทอ่าน 5-495 เช่นกัน
เพราะฉะนั้นคะแนนเต็มอยู่ที่ 990 นะก๊ะ
ไม่มีสอบได้หรือสอบตกนะก๊ะ
มีแต่ได้น้อยกับได้มากนะก๊ะ
และเสียดายตังค์กับคุ้มนะก๊ะ

อันนี้แบบคร่าวๆ
ถ้าใครสอบครั้งแรกไม่พอใจก็สอบใหม่ได้
จะได้รู้ว่าแนวทางเป็นไง
แหมครั้งแรกอ่ะ...ใครๆก็ตื่นเต้นเป็นธรรมดา
เพราะฉะนั้นก็ให้อภัยกะพวกมือใหม่
ถ้าเตรียมตัวมาดีก็น่าจะโอเคอยู่
(เอ๊ะนี่พูดถึงเรื่องอะไรนะเนี่ย)

ประเมินตัวเองในการสอบครั้งนี้
คงเป็นเพราะสอบครั้งที่สองไง
เลยกะเวลาได้ถูก...
เท่านั้นแหละ

วันอังคารรับผลได้ที่ตึกอ่ะ
เพิ่มความเสียวและตื่นเต้นด้วยการส่ง ems ก็เสียเพิ่มอีก 50 บาท
ส่วนจะได้เมื่อไรก็ขึ้นอยู่กับคุณไปรษณีย์นะก๊ะ

ออกมา อึนอึน ยืนน่ารักรออยู่
และนั่งรอรถเมล์ชาติกว่า
ฝนตกอีกต่างหาก
แต่รถแถวนั้นขับกันแบบฟิ้วฟ้าวมากเลยนะ
แบบนับคันไม่ทันเลยอ่ะ

รถโตโยต้า ฮอนด้า นี่นานๆจะผ่านมาสักที
ที่เห็นบ่อยๆก็ เบนซ์ บีเอ็มดับเบิลยู
แล้วไหนว่า คนไทยจนไง
...อ่ะ อ่ะ อ่ะ ไม่เข้าใจเจงๆๆ

แล้วผลออกมาอย่างไรจะมารายงานความคืบหน้านะก๊ะ
ไปนะ ง่วงแล้วจ้า
ดวงตากลายเป็นหมาแพนดี้แระ !O_O!

Friday, August 17, 2007

Missed

ตั้งแต่เช้ามานี่..ยังไม่ได้อะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลย
ความหวังของคนวัยทำงานอย่างช้าน...
ต้องพังมลายหายไปพริบตา...
ป๋าโทรมาบอกว่า เลขท้ายสองตัวที่ให้ซื้อน่ะ
พลาดไป 1 แต้ม
ฝันเห็น 06 (แบบชัดๆอ่ะ) แต่ออก 07
เฮ้อ...วันนี้ก็ยังไม่ใช่วันของเราอีกตามเคย
เป็นแบบนี้มาหลายงวดแล้ว T_T
สงสัยต้องลองเปลี่ยนแปลงกลยุทธ์บ้างละ
เผื่ออะไรๆ มันจะดีขึ้น
เอาน่าๆ งวดหน้ายังมี
แต่เห็นป๋าเริ่มถามแล้วนะว่า...เห็นอะไรใหม่บ้างหรือยัง (เหอๆๆ)
แล้วนี่จะจำฝันได้อีกมั้ยเนี่ย--ยิ่งไม่ค่อยฝันอยู่ด้วยสิ
ปกติไม่ค่อยซื้อหวยหรอก--กลัวอ่ะ
มันแบบรู้สึกว่าต้องลุ้นตลอดเวลา
อาการจะกำเริบหนักตอนใกล้ๆ บ่ายสามโมงของวันนั้น
อย่างที่บอกว่าเป็นคนชอบตื่นเต้น
เห็นอะไรใหม่ๆเล็กๆน้อยๆ ก็ต้องตื่นเต้นซะทุกอย่าง
...กลัวหัวใจวายก่อนที่หวยจะออก
ส่วนมากเลยผลักภาระให้เด็จพ่อซะงั้น
...ถ้าถูก (แต่ก็ยังไม่เคยถูกนะ) ...
ก็แหม...เงินป๋าก็เหมือนเงินเรานั่นแหละ..ว่าไป

พรุ่งนี้มีนัดสอบโทอิคนะก๊า
...เอ่อคือ...ไม่มีอะไรในหัวเลยไง..และไม่เตรียมตัวเร้ย
จริงๆก็ไม่ได้ตั้งใจจะสอบเพราะเคยสอบเมื่อสองปีที่แล้ว
ทำให้ได้รู้ว่าซื่อบื้อแค่ไหน....T_T
บุญกุศลที่ลูกทำมาก้อไม่ได้หวังอะไรมากมาย
สอบพรุ่งนี้ ขอให้ได้ เลขหน้าสุดเป็นเลข 7 นำด้วยเทอดฯ...สาธุ สาธุ

เพิ่งจองเมื่อเช้าและเค้าก็บอกว่า รอบอื่นๆนั้นเต็มหมดแล้ว
เหลือแค่รอบเย็น ตอนสี่โมงครึ่ง เลิกหกโมงครึ่ง (อดดูจูมงซะงั้น)
ราคาค่าสอบก็ 1000 บาท
วันสอบเอาบัตรประชาชนไปด้วยนะ
ถ้าไม่มี ใบต่างด้าวที่มีก็น่าจะโอเคอยู่ ^_^
สำรองที่นั่งก่อนที่หมายเลข 02-2607061
หรือข้อมูลเพิ่มเติมที่
www.toeic.co.th
หากจะแคนเซล (แคนเซิล) ต้องแจ้งล่วงหน้านะก๊ะ
เพราะมิเช่นนั้นเค้าจะเก็บเรคคอร์ดไว้ แล้วคิดเงินค่าปรับ 500 บาทนะก๊ะ
(โหดน่ะก๊ะ)


อย่างที่บอกว่าไม่ค่อยอยากสอบ
แต่จะเอาไปสมัครเรียนต่อโท--เข้าข่ายจำเป็นน่ะก๊ะ
นี่ก็ต้องเขียนเรียงความเรียนต่อโท--
ซึ่ง B-L-A-N-K มากๆ
ถามนู่นนี่มากมาย ปวดหัว
ที่สำคัญ ถามว่า อนาคตวางแพลนไว้ยังไง
เป็นคำถามยอดฮิตที่ช้านไม่เคยมีคำตอยเลยนะก๊ะ
ใครมีอะไรก็โพสๆ ไว้นะก๊ะ
ถือว่าเห็นแกอนาคตของเพื่อน--ขอยืมความคิดสักกะติ้ด

เศร้านะเนี่ย--หวยก็ไม่ถูก

ว่าแต่อาทิตย์นี้ อย่าลืมใช้สิทธิ์ที่มีอยู่ลงมตินะจ้ะ
อย่างน้อยๆ คนทำงานอย่างช้านก็ได้หยุดเพิ่ม
เลือกหรือไม่ก็ว่ากันไป
ทบทวนด้วยสมองอันนิดๆ ที่มีอยู่
ไหนๆก็เคยโดนหลอกมาแล้ว--อันที่จริงลองเปลี่ยนหน้าบ้างก็ดีนะก๊ะ
ก็อยากโดนคนหล่อๆ หลอกมั่งอ่ะ
"รู้เค้าหลอกก็เต็มใจให้หลอก" น่ะก๊ะ

*ช่วงนี้ "นะก๊ะ" เยอะหน่อย เพราะนาโอะเซนเซย์ยังคงหลอนอยู่*
(เออะๆๆ---> เสียงหัวเราะแบบสยองๆๆ)



Cheers Up!!

ตอนแรกเขียนเป็นภาษาอังกฤษแล้วแต่เกรงว่าจะไม่ได้ใจพอเขียนไทยดีกว่า...

นี่เป็นความคิดเห็นในส่วนตัวที่พึงมีและอยากจะบอกกล่าว
ขอโทษหากเป็นการล่วงละเมิดมากมายเกินไป
ขอเปลี่ยแปลงสรรพนามที่เรียกขาน มา ณ ที่นี้
(ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด)

จำได้มั้ยเมื่อก่อนที่เธออยากให้ฉันไปอยู่ด้วย
สุดท้ายก็ไม่ได้ไป..
เพราะหม่อมแม่ไม่อนุญาติ
ซึ่งตอนนั้นก็คงไม่มีใครเค้ารู้หรอกว่าฉันนั้นเสียใจมากแค่ไหน
แทบจะเรียกว่าเป็นจุดจบของโลกก้อได้มั้ง
ซึ่งพอมาตอนนี้ก็ไม่อะไรแล้ว
ยังคงอยากไปแต่ก็นะ...
บางทีพระเจ้าคงรอเวลาให้ข้าเข้มแข็งมากกว่านี้ก็เป็นได้

เวลาที่เราเจออะไรที่มันยากๆ แย่ๆ เซ็งๆ
เรามักจะอินไปกับมันจนน้ำตาไหลออกมาอยู่บ่อยๆแต่พอเมื่อเวลาผ่านไป
--เรามองย้อนกลับไป--
บางครั้งเราก็ได้เสียงหัวเราะจากสิ่งที่ตัวเองทำลงไปบ้างเหมือนกัน..
แม้ตอนที่เจอกับมันจริงๆ--อยากจะหัวเราะแค่ไหนก็ทำไม่ได้เลยสักที

ซึ้งอยู่เหมือนกัน--เวลาต้องอยู่ไกลๆบ้าน
--เหมือนตอนที่อยู่ที่ภูเก็ตได้เรียนรู้อะไรอะไรมากขึ้น
สะกดคำว่ารับผิดชอบได้มากขึ้นทั้งที่เมื่อก่อนสะกดไม่เป็นเลย
โชคดีที่ไม่ต้องรับผิดชอบอะไรให้มันมากมาย
--ลำพังรับผิดชอบตัวเองก็ยังไม่ค่อยจะรอด
--แต่มันก็ดีกว่าไม่ทำอะไรเลย อย่างน้อยก็ได้เรียนรู้ที่จะปรับตัวได้ดีขึ้น

ตอนนี้บ่อยๆที่มองย้อนกลับไป--
แล้วนั่งหัวเราะตัวเองในความโง่เขลาที่ไม่ได้ไปอยู่ที่นั่น
พระเจ้าคงกำหนดมาแล้วให้เป็นอย่างนั้น
มันก็เป็นแค่เพียงหนึ่งในหลายๆโมเม้นท์ที่เราเสียใจแต่พอเวลาผ่านไป
--มันก็ผ่านไปด้วยเมือนกันแต่หากคิดว่ามันไม่ได้ผ่านไป มันยังติดอยู่ในใจ
นั่นก็หมายความว่าเราอินกับมันมากเกินไป
ปล่อยวาง ปล่อยใจ อะไรที่มันแย่ก็ปล่อยให้มันเดินออกไป

พอโตขึ้น ดูเหมือนว่าอะไรๆ ก็จะไม่ค่อยสนุกสนานเหมือนตอนที่เป็นเด็ก
บางทีคงเป็นเพราะ ภาระ หน้าที่ และความรับผิดชอบที่พึงมี
การ์ตูนที่เคยว่าสนุกนักหนา กลับรู้สึกหนวกหูในบางครั้ง
มุมมองที่เคยมี คำพูดที่พูดโดยไม่คิดก็ต้องคิดมากๆขึ้น
คิดมากจนบางครั้ง เขียนความในใจอะไรไปก็ไม่ได้ส่ง
ปล่อยๆให้มันเป็นไป เพราะรู้ว่ายังไง ชีวิตก็ต้องดำเนินต่อไปอยู่ดี

ถ้าจะขอ หรืออ้อนวอนสักครั้งจะได้รึเปล่า
ขอให้หยุดเสียทีความคิดที่ว่า
อยู่ไกลกัน เมื่อมีปัญหา ไม่อยากเล่าให้ฟัง เพราะกลัวว่าจะเป็นห่วงมาก
วันนี้มีคนที่เป็นห่วงก็ปล่อยให้เค้าเป็นห่วงและคิดถึงกันต่อไป
วันนึงถ้าไม่มีคนคนนั้นแล้ว--จะหาใครมาห่วงให้เทียมเท่าก็ดูจะเป็นไปได้ยาก

ฉันเองก็รู้ว่าเธอนั้นเข้ม และแข็งพอที่จะอยู่ในที่แห่งนั้น
คงมีเพียงแต่คนโง่หรือคนที่ไม่รู้จักนรกเท่านั้นเองที่คิดผิด (มาก)
มาต่อกร ต่อปากฟาดฟันกับเธอ
ใครจะทำก็ทำไป ฉันขอบายนะงานนี้
ในส่วนลึกของจิตใจ ที่ไม่เคยได้เอ่ยออกไป
และไม่เคยรู้ว่าเธอเองรับรู้มันบ้างรึเปล่า
ห่างกันไปนาน
--นานจนจำไม่ได้ว่าสิ่งแวดล้อมเหล่านั้นทำให้
เธอคนที่ฉันรักเปลี่ยนแปลงไปมากมายแค่ไหน
เวลาที่เจอกับอะไรแย่ เธอสู้กับมันได้อย่างไร
อะไรกันนะที่ทำให้เธอเข้มแข็งได้ขนาดนั้น
และอะไรที่ทำให้เธอต้องอดทนแลอยู่สู้กับมันต่อไป
ถ้าเป็นฉันคงเก็บกระเป๋ากลับบ้านเรานานแล้ว
เพราะรู้มาว่าการใช้ชีวิตที่นั่นมันลำบาก
อย่างน้อยก็ไม่สบายเหมือนบ้านเรา...

ฉันเองก็ไม่เคยถามถึงปัญหานั้นกับเธอสักที
เมื่อเราโตขึ้น "เส้นแบ่งเขตความเป็นส่วนตัว" มันก็ชัดเจนขึ้นทุกที
มันทำให้รู้ว่า ไม่ว่าเธอจะทำจริงหรือไม่จริง
ฉันก็ไม่ควรที่จะถามหรือก้าวก่ายในสิทธินั้นๆ
และโดยแท้จริงแล้ว ฉันเองก็เห็นแก่ตัว...
เพราะกลัวว่าคำตอบที่ได้รับมา
...มันจะลบล้างและทำลายความเชื่อมั่นเชื่อถือที่มีต่อเธอ
ริงๆแล้วเรื่องแค่นี้ไม่สามารถทำลายอะไรระหว่างเราลงได้หรอก
มุมมองอีกด้านที่เธอเปิดให้ในวันนั้นที่เรานอนคุยกัน
..ทำให้ได้รับรู้อีกฟากฝั่งของข้อมูล
แต่เธอกับคนนั้น..ฉันไม่ได้รักเค้าอย่างที่รักเธอ
..อย่าพูดถึงความเชื่อมั่นเลย...ไม่มี

ฉันไม่ใช่คนตัดสินเกมนี้หรือเกมใดๆในชีวิตของเธอ
ทุกอย่างนั้นมันขึ้นอยู่กับ "ความเป็นไปและพอใจ"
ขอให้เธอได้ฟังเสียงใจตัวเองว่ามันเป็นอย่างไร
และตัวเธอต้องการให้มันเป็นอย่างไร ก็ทำมันไป...
หากทุกอย่างถูกกำหนดแล้วไซร้ก็ขอให้ยอมรับ...และยืนหยัด

จริงๆแล้วเรื่องราวของความรัก
มันเป็นเรื่องของคนสองคน--ไม่ใช่คนหลายคน
คำถามบางคำถามก็ไม่ได้ต้องการคำตอบเสมอไป
เว้นช่องคำตอบนั้นให้ว่างไว้...เพราะเธอเองรู้ดีว่าคำตอบในใจนั้นคืออะไร
อย่าสนใจคนพูดของคนอื่นให้มันมากมาย
จนลืมความรู้สึกในใจของตัวเองว่าแท้จริงแล้วมันเป็นอย่างไร
ความรักมันไม่ได้มีเรื่องถูกหรือผิด ฉันเชื่อว่าอย่างนั้น
ทุกคนมีเหตุผลที่เป็นของตัวเอง--ไม่ว่าเหตุผลนั้นจะงี่เง่าแค่ไหนก็ตาม

นี่เป็นข้อความดีๆที่อ่านเจอในหนังสือ

"ชีวิตคนเราก็เหมือนกับรางรถไฟ ที่ยาวไกลมาก...
...จนไม่รู้ว่าปลายทางนั้นอยู่ตรงไหนและสิ้นสุดที่ใด
สถานีหน้าจะมีใครบ้างที่ขึ้นมาใหม่ หรือลงจากไป
แต่อย่างน้อย ตอนนี้เราก็ยังรู้ว่าเรากำลังอยู่ตรงไหน
อยู่กับใคร แล้วเราพอใจกับมันหรือเปล่า

ไม่รู้ว่าภาพรถไฟที่สวยที่สุดของแต่ละคนเป็นภาพอะไร
แต่สำหรับผม มันคือภาพของคนที่กำลังวิ่งตามขบวนรถไฟ
ก่อนที่จะกระโดดขึ้นรถไฟทันในท้ายที่สุด
และไม่ว่าคนนั้นจะวิ่งด้วยท่าไหนก็ตาม

แต่ภาพของคน...

...ที่กำลังพยายามอย่างเต็มกำลังเพื่อไม่ให้ความฝัน ความสุข
หรือความรักของตัวเองแล่นจากไป ไม่ว่าจะมุมไหน
...มันก็สวยงามเสมอ"

หากมีอะไรอยากเอื้อนเอ่ยอยากเล่าสู่ ก็ยินดี
ฉันจะทิ้งทุกอย่างไว้ที่นี่และจะไม่พูดมันขึ้นมาอีก
เพราะอย่างน้อยก็เป็นการให้เกียรติในสิ่งที่เธอตัดสินใจ
ฉันต้องขอบคุณทุกสิ่งอย่างที่นำเธอมาสู่วันนี้และมีวันที่ดีต่อๆไป
ขอบคุณพระเจ้า ที่มอบแบบฝึกหัดชีวิตแก่เธอ ให้เธอได้เรียนรู้และสู้กับมัน
ขอบคุณก๋ง อาม้า เหล่าอี้ และผู้ที่ส่วนเกี่ยวข้อง
ขอบคุณ "คุณคนนั้น" (ที่หวังว่าสักวันจะไปขอบคุณเค้าถึงที่)
ที่คอยเป็นทั้งกำลังกาย และกำลังทางด้านจิตใจให้เธอเสมอ
ขอบคุณ ขอบคุณ ขอบคุณ

ฉันเองยังคงรัก เคารพ ชื่นชม พอใจ ในตัวเธอมากมาย
ความรู้สึกตอนเด็กเป็นอย่างไร ในตอนนี้ก็คงเดิมและไม่เปลี่ยนแปลง
ก็ยังมั่นใจว่าเธอก็เป็นเธอเป็นคนที่ฉันรัก และรักฉันเช่นกัน
...เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว
และขอให้เธอได้รู้...ว่ามีหนึ่งคนตรงนี้ที่จะหวังดีตลอดไป
ป๋าฉันมักจะพูดว่า --แล้ววันนึงจะเป็นของเรา--
และฉันเองก็เชื่อว่า--อีกไม่นานคงถึงวันของเธอ--
ฉันเองจะเฝ้ารอดูอย่างใจจดจ่อให้วันนั้นมาถึง
...และรวมยินดีไปกับเธอ

หากไม่มีใคร--พวกเรา--เมืองไทย--
ยินดีเป็นหนึ่งในสถานีให้พัก--ก่อนจะเริ่มการสู้รบในสถานีต่อไป

บุญรักษา
คนที่คุณก็รู้ว่าใคร (555)
ป.ล. ฝากความคิดถึงถึงนางฟ้าของฉันด้วยนะ--
...แล้ววันนึงอันไม่ไกลนัก...เมื่อพร้อมจะบินไปหา

Thursday, August 16, 2007

International Transaction

จะทำอย่างไรเมื่อต้องการโอนเงินจากต่างประเทศเข้ามาบัญชีเรา
ง่ายๆจ้า...
เร่เข้ามา..จะพร่ามให้ฟัง q^_^p
สิ่งที่ต้องรู้ (บ้าง) ก็คือ
1. ชื่อเจ้าของบัญชี และหมายเลขบัญชี (อันนี้ไม่รู้ได้ไง--จริงมะ)
2. ชื่อธนาคาร / สาขา / ที่อยู่ พร้อมรหัสไปรษณีย์ (แบบฟูลออฟชั่นนะ)
3. อันนี้สำคัญมาก นั่นก็คือ Bank Code หรือ Bank Service Code นั่นเอง
(ธนาคารแต่ละแห่งก็จะไม่เหมือนกันนะจ้ะ)

เท่านี้แหละแล้วก็ให้รายละเอียดต่อผู้ที่จะโอนมาให้เรา
เมื่อมีการโอนเงินเข้ามา ไม่ว่าจะเป็นสกุลอะไร ก็จะถูกเปลี่ยนเป็นเงินบาทนะจ้ะ
ระยะเวลาทำการก็ประมาณ 3-5 วันจ้า

ครั้งแรกไงที่จะมีเงินโอนมาจากแดนไกล--แอบตื่นเต้นนะ
(ปกติก็ชอบตื่นเต้นในเรื่องไม่เป็นเรื่องอยู่แล้วไง--อิอิ)

It's a sadness.

เรื่องมันก็มีอยู่ว่า...
หลังจาก ปีหรือสองปีนี่แหละ
ไม่ได้สอบวัดระดับภาษาญี่ปุ่น
ซึ่งก็ตั้งใจไว้ว่า จะสอบในปีนี้
ปกติเค้าก็จัดสอบทุกปี ทุกปลายๆ ปีอ่ะ
ประมาณพฤศจิกา ธันวา
แต่จำไม่ได้ว่าต้องสมัครช่วงไหน
ด้วยความที่มัวแต่เอ้อระเหยอยู่
ทันใดนั้น...มิรู้มีสิ่งใดดลบันดาลใจเข้าไปตรวจสอบ
และปรากฎว่า...
ว่า...
ว่า...
ว่า...
(ทำไมต้องแอคโค่ขนาดนั้น--ไม่เข้าใจนะก๊ะ--
รู้สึกเหมือนมีนาโอะเซ็นเซย์อยู่ข้างๆ)
ว่า...เค้าปิดรับสมัครไปแล้ว...ววววว
ปิดไปแล้วเมื่อวานนี้--แหมปิดไปแล้วนานๆหน่อยก็ไม่ได้
จะได้ไม่รู้สึกเจ็บใจมากเท่านี้
สมน้ำหน้า--555
เรื่องมันก็น่าเศร้ามั้ยล่ะ
ต้องรออีกปีไง...ฮือ ฮือ ฮือ T_T

Wednesday, August 15, 2007

Yesterday Once More

When I was young
I'd listen to the radio
Waitin' for my favorite songs
When they played I'd sing along
It made me smile...

Those were such happy times
And not so long ago
How I wondered where they'd gone
But they're back again
Just like a long lost friend
All the songs I loved so well...

Every Sha-la-la-la
Every Wo-o-wo-o
Still shines
Every shing-a-ling-a-ling
That they're startin' to sing's
So fine.
When they get to the part
Where he's breakin' her heart
It can really make me cry
Just like before
It's yesterday once more.

Lookin' back on how it was
In years gone byAnd the good times that I had
Makes today seem rather sad
So much has changed.
It was songs of love that
I would sing to then
And I'd memorize each word
Those old melodies
Still sound so good to me
As they melt the years away...